คำอธิบาย
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สรรพคุณของมะม่วงหิมพานต์
- แพทย์ในอินเดียใช้เมล็ดเลี้ยงเด็กทารกที่อายุเกิน 6 ขวบ เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้เร็วและแข็งแรง
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วยธาตุทองแดง จึงช่วยบำรุงเส้นผมและผิวหนังได้เป็นอย่างดี
- สรรพคุณเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีธาตุแมกนีเซียมในปริมาณมาก จึงช่วยบำรุงสุขภาพเหงือก สุขภาพฟันและกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้
- การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นประจำจะช่วยลดป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
- การวิจัยในบราซิลและอินเดียพบว่า สารสกัดจากเปลือกต้น และสารสกัดจากส่วนเหนือดินของต้น สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเลือดได้
- เมล็ดมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทรวงอกได้
- แมกนีเซียมจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยให้ลดความดันโลหิตได้
- เมล็ดมีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก จึงช่วยในการป้องกันโรคไขมันตับและไม่สะสมในร่างกายมากจนเกินไป จึงไม่ทำให้อ้วน
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีแมกนีเซียมสูง โดยแร่ธาตุชนิดจะช่วยในการทำงานของหัวใจ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยป้องอาการหมดเรี่ยวแรงได้เป็นอย่างดี
- ช่วยรักษาโรคฟันผุ บรรเทาอาการเสียวฟัน หรือปวดฟันได้ เนื่องจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีกรดอนาร์ดิก ที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรคฟันผุได้ แต่อย่างไรก็ดีการแปลงฟันก็ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากกรดชนิดนี้จะออกฤทธิ์เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น (ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
- กรดอนาร์ดิกในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโรคอื่นๆได้ เช่น วัณโรค โรคเรื้อน กำจัดเชื้อโรคที่พบในสิว เป็นต้น (ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
- ชาวโบลีเวียเชื่อว่า น้ำจากผลสามารถช่วยกระตุ้นสมองแล้วทำให้มีความจำดีขึ้น (ผล)
- ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคประสาทพิการ และช่วยแก้โรคปวดตามข้อได้ (ผล)
- มะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณช่วยลดไข้ (ผล,ใบ)
- ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน (ยางจากต้น)
- ช่วยแก้อาการปวดฟัน ใช้กลั้วคอล้างปาก (เปลือกต้น)
- ใบสดนำมาเผาไฟ แล้วสูดดมควันจะช่วยรักษาและบรรเทาอาการไอ และอาการเจ็บคอได้ (ใบสด)
- ช่วยแก้อาเจียน รักษาแผลในช่องปาก (น้ำจากผล)
- สรรพคุณ มะม่วงหิมพานต์ช่วยในการขับเหงื่อ (น้ำจากผล)
- เมล็ดนำมาคั่วโรยเกลือรับประทานเป็นยาแก้อาการบวมน้ำได้ (เมล็ดคั่ว)
- การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยในการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี (เมล็ด)
- รากมะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยแก้ท้องร่วงและเป็นยาฝาดสมาน (ราก)
- ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง (ยอด,ใบ)
- ในบราซิลนินมนำผลมาทำเป็นไวน์ เพราะเชื่อว่ามันสามารถช่วยรักษาโรคบิดเรื้อรังได้ (ผล)
- ใบยอดอ่อนมีสรรพคุณช่วยสมานแผลในลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการของโรคท้องร่วงได้ (ใบ)
- น้ำคั้นจากผล ใช้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะได้ (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม) (น้ำคั้นจากผล,เมล็ดคั่ว)
- การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่วได้ (เมล็ด)
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงได้ (ใบ)
- สรรพคุณของมะม่วงหิมพานต์ช่วยต้านกามโรค (น้ำจากผล)
- ใช้รักษาโรคผิวหนังพุพองและกามโรคเข้าข้อได้ (เปลือกต้น)
- ใช้เป็นยาแก้ปวดเนื่องจากรำมะนาด (เปลือกต้น)
- ใช้เป็นยารักษาหูด ด้วยการใช้ยางจากผลสดที่ยังไม่สุก 1 ผล ที่เด็ดออกมาใหม่ๆ แล้วใช้ยางทาตรงบริเวณที่เป็นหูด ทาเป็นประจำจนกว่าจะหาย (ยางจากผลสด,ยางจากต้น)
- ช่วยทำลายตาปลา ช่วยกัดทำลายเนื้อด้านที่เป็นปุ่มโต หรือโรคเท้าแตกได้ ด้วยการใช้ยางจากต้นสดทาบริเวณที่เป็นตาปลาหรือเนื้อด้านบ่อยๆ จนกว่าจะหาย (ยางจากต้น)
- เมล็ดใช้ผสมเป็นยารับประทาน ช่วยแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน โรคเรื้อน ทำให้หนังชา (เมล็ด,น้ำมันจากเมล็ด)
- น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณใช้เป็นพิษต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยเฉพาะเชื้อหนองชนิด Staphylococus (การสูดดมน้ำมันชนิดนี้อาจทำให้เกิดการระคายเคือง มีพิษรุนแรง และควรระวังเมื่อต้องใช้กับเด็ก)
- ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบแก่นำมาบดใส่บริเวณที่เป็นแผล (ใบแก่)
ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์
- รูปมะม่วงพิมพานต์ประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ดี
- ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สามารถช่วยรักษารูปร่างให้สมส่วนได้ เพราะมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดการดูดซึมไขมันได้
- การรับประทานถั่วเป็นประจำจะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลงอีกด้วย (ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม)
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารพิวรีนน้อยหรือไม่มีเลย
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ นิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของประเทศอินเดีย เวียดนาม และบราซิลอีกด้วย (90% ของการส่งออกทั่วโลกมาจากสามประเทศนี้)
- ผลของมะม่วงหิมพานต์มีเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ทั้งผลดิบและผลสุก
- ผลห่ามมะม่วงหิมพานต์ ทางภาคใต้ของไทยนิยมนำใช้ทำแกงส้ม หรือใช้ยำ
- มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์ผลดิบใช้รับประทานร่วมกับเกลือเป็นของกินเล่นได้
- ผลสุกสามารถนำไปหมักทำไวน์ ทำน้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มชนิดอื่นๆได้
- เมล็ดสามารถนำไปประกอบอาหารได้ เมนูเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แหนมผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เต้าหู้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมจีนผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
- ใบอ่อน ยอดอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือ แกงเผ็ด ลาบ ก้อย ขนมจีนน้ำยาได้
- ใบแก่สามารถนำมาขยี้และใช้สีฟันได้
- ไม้จากลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนและมีขนาดเล็ก มันจึงเหมาะที่จะนำไปใช้ทำลังไม้ หรือหีบใส่ของ ทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ต่อเรือ ใช้ทำเรือเอก แอกเทียม วัวเทียมควายเทียม คุมล้อเกวียน และยังนำไปทำเป็นฟืนและถ่านได้อีกด้วย
- ยางจากเปลือกของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ควาญช้างในประเทศอินเดียนำมาใช้เพื่อคุมช้างให้เชื่องได้
- ยางจากลำต้น สามารถนำมาใช้ทาบ้านกันปลวกได้
- เปลือกต้นหรือเปลือกเมล็ด มีประโยชน์หลายอย่างในด้านของอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สามารถนำไปทำเป็นผ้าเบรค และแผ่นคลัชได้ ซึ่งจะมีคุณสมบัติทนความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดได้สูง หรือนำมาใช้ทำฉนวนป้องกันไฟฟ้าแมกนิเตอร์เมเตอร์ ใช้ทำน้ำประสานในการบัดกรีโลหะ น้ำมันชักเงาสำหรับใช้ในเครื่องยิน ใช้ผสมทำน้ำหมึก ทำหมึกประทับตราผ้า ทำเป็นลูกกลิ้งยางพิมพ์ดีด ทำกาว ใช้ย้อมอวนทนทาน ผลิตภัณฑ์ปูพื้น ใช้ผสมปูนซีเมนต์ทำให้เหนียวขึ้น ใช้กำจัดตัวอ่อนของยุงด้วยการผสมกับพาราฟินเหลว ผลิตภัณฑ์ทาไม้ป้องกันปลวก ยาฆ่าแมลงและปลวก เป็นต้น
- เยื่อหุ้มเมล็ดถ้ามีปริมาณมาก อาจใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแทนนิน ที่ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังได้
- ประโยชน์ของเปลือกเมล็ดสกัดเป็นน้ำมัน ในด้านการแพทย์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเหน็บชา วัณโรค โรคเท้าช้าง โรคเลือดคั่ง โรคเรื้อน โรคผิวหนัง หูด ตาปลา และส้นเท้าแตกได้
- ประโยชน์ของเปลือกเมล็ด ก็สามารถใช้ประโยชน์ในด้านความงามได้ เช่น ใช้ลอกหน้าที่เกิดจากการตกกระ (แต่อาจส่งผลเสียได้) เป็นต้น
- ผลของมะม่วงหิมพานต์มีกลิ่นต่างๆ ถึง 20 กลิ่น จึงสามารถนำมาสกัดทำเป็นหัวน้ำหอมได้
- ผลนอกจากใช้รับประทานเป็นผลไม้ ยังสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ของ โค กระบือ ได้อีกด้วย
- ผลสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น แยม ผลไม้กวน เครื่องดื่ม น้ำมะม่วงหิมพานต์ ไวน์ น้ำส้มสายชู เป็นต้น
- เมล็ด สามารถนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่วอบเนย อบน้ำผึ้ง เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการของเม็ดมะม่วงหิมพานต์
- พลังงาน 553 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 30.19 กรัม
- แป้ง 23.49 กรัมเปลือกต้นมะม่วงหิมพานต์
- น้ำตาล 5.91 กรัม
- เส้นใย 3.3 กรัม
- ไขมัน 43.85 กรัม
- กรดไขมันอิ่มตัว 7.78 กรัม
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 23.8 กรัม
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 7.85 กรัม
- โปรตีน 18.22 กรัม
- น้ำ 5.2 กรัม
- วิตามินบี1 0.42 มิลลิกรัม 37%
- วิตามินบี2 0.6 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินบี3 1.06 มิลลิกรัม 7%
- วิตามินบี5 0.86 มิลลิกรัม 17%
- วิตามินบี6 0.42 มิลลิกรัม 32%
- วิตามินบี9 25 ไมโครกรัม 6%
- วิตามินซี 0.5 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินอี 0.9 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุแคลเซียม 37 มิลลิกรัม 4%
- ธาตุเหล็ก 6.68 มิลลิกรัม 51%
- ธาตุแมกนีเซียม 292 มิลลิกรัม 82%
- ธาตุแมงกานีส 1.66 มิลลิกรัม 79%
- ธาตุฟอสฟอรัส 593 มิลลิกรัม 85%
- ธาตุโพแทสเซียม 660 มิลลิกรัม 14%
- ธาตุโซเดียม 12 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุสังกะสี 5.78 มิลลิกรัม 61%
คำแนะนำในการรับประทาน
- เม็ดมะม่วงมะม่วงหิมพานต์ จะมีน้ำมันมากและให้พลังงานสูง ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือครั้งหนึ่งไม่เกิน 10 เม็ด (แต่ถ้าอยากรู้ว่าพลังงานเยอะแค่ไหน ลองใช้ไฟจุดดู จะเห็นไฟลุกเป็นเปลว และยิ่งนำไปอบหรือทอดเนยก็จะมีพลังงานมากขึ้นไปอีก)
- ใช่ว่าถั่วลิสงจะเป็นถั่วที่มีสารอะฟลาท็อกซินอย่างเดียว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ก็อาจมีปนเปื้อนด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกบริโภคเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่สะอาด ปิดมิดชิด ไม่เก็บไว้นาน มีเลขทะเบียนอย. ที่ถูกต้อง หรือผ่านการผลิตด้วยระบบ GMP/HACCP
- สำหรับบางรายที่รับประทานเม็ดมะม่วงพิมพานต์แล้วเกิดอาการแพ้ โดยมีอาการดังนี้ เช่น มีอาการบวมที่ใบหน้าและคอ มีผดผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง หายใจลำบาก คลื่นไส้อาเจียนหรือท้องเสีย คุณควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์